หน้าเว็บ

..ยินดีต้อนรับ...สู่...เว็บบล็อกของ...นางสาว ซาลีลา มายิ..

บทนำ

สร้างเด็กให้ดี ให้เก่ง ฉลาดรอบด้านด้วย 6Q



 ใครฉลาดกว่า ได้เปรียบ


         คุณผู้อ่านเคยได้ยินคำพูดที่ว่าข้างบนใช่หรือไม่ครับว่าใครฉลาดกว่าย่อม "ได้เปรียบ" ได้เปรียบที่ว่าคือได้เปรียบกันในทุกๆ เรื่องตั้งแต่เรื่องการมีชีวิตอยู่ การทำงาน การเรียน ฯลฯ คุณพ่อคุณแม่จึงมักจะสอนและพยายามปลูกฝังส่งเสริมให้ลูกๆ มีความฉลาดมากที่สุด เพื่อที่ว่าเติบโตขึ้นมาแล้วจะได้ไม่เสียเปรียบใคร หรือกระทั่งสอนว่า เพื่อให้ไม่ต้องแพ้ใคร

         ตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้นประถมสังเกตเพื่อนๆ ที่สามารถเรียนดีทำคะเเนนได้ดีในชั้นเรียนวิชาต่างๆ มักจะได้รับคำชมเชยและคุณครูบอกให้เอาเป็นตัวอย่างเสมอ ในขณะที่คนที่เรียนไม่ค่อยจะเก่ง หรือไม่เก่งเลยมักจะได้รับคำติเตียนจากครู เพหื่อนกลุ่มหลังก็มักจะถูกมองว่าไม่น่าคบหาไม่น่าเสวนาด้วย ขืนคบไปสงสัยต้องไง่ เรียนไม่รู้เรื่องกับมันด้วยเป็นแน่

         แต่กลับกลายเป็นว่าเวลาที่ได้เข้าไปสัมผัสกันระหว่างกลุ่มคนเรียนเก่งกับคนเรียนไม่เก่งนั้น ผมพบว่าคนทั้งสองกลุ่มนี้ ต่างมีความเก่งที่ไม่เหมือนกันเสียมากกว่าเพราะคนที่เรียนดี เรียนตามบทเรียนได้เร็วทำการบ้านได้ แต่เรื่องบางอย่างง่ายๆ กลับทำไม่เป็นเอาเลย

         เช่น การเรียนผูกเชื่อกเป็นเงื่อนต่างๆ เขาไม่สามารถทำได้เลย ไม่มีแม้แต่อารมณ์ขันในการจะเสวนากับคนอื่น อยู่ด้วยคุยด้วยแล้วรู้สึกอึดอัด ในขณะที่เพื่อนกลุ่มที่เรียนไม่ค่อยจะเก่งนั้นนอกห้องเรียนกลับพบว่า เขาทำอะไรหลายอย่างได้อย่างน่าทึ่งเอาตัวรอดเก่ง ทำกิจกรรมเก่งมีอารมณ์ขัน ฯลฯ

         แต่พอปลายปีเวลามีการสอบเพื่อวัดผลคนที่ไม่เก่งได้รับการประเมินให้อยู่ต่ำกว่าคนที่เก่งกว่าในเรื่องวิชาความรู้ที่อาจารย์สอนมาตามตำรา แม้เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะยุติธรรมสักเท่าไหร่ ทำไมจึงไม่มีการให้คะแนนเรื่องที่ว่า ใครเล่ามุกตลกได้ฮากว่ากันจะได้คะแนนสูง หรือใครที่สามารถพับกระดาษได้แปลกกว่าคนอื่นจะได้คะแนนดี ฯลฯ

         นั่นเป็นความคิดของผมตอนที่ยังเรียนอยู่ เมื่อเติบโตขึ้นมาต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตามเส้นทาง เมื่อได้กลับมาเจอหน้าค่าตากันใหม่ ก็พบว่าเพื่อนแต่ละคนต่างก็มีเส้นทางชีวิตและก้าวหน้าประสบความสำเร็จที่แตกต่างกันไป ไอ้คนที่ตอนเรียนในห้องเรียนไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวกลับร่ำรวยกว่าใคร ในขณะที่คนที่เรียนเก่งๆบางคนก็เป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรมดา เป็นต้น

         จากตัวอย่างที่ผมยกขึ้นมานี้หมายความว่า ตั่งแต่วัยเด็กเราจะถูกปลูกผังกันมาเรื่องการเรียนรู้และการสร้างความฉลาดเฉลียวโดยวัดผลกันที่ตัวเลขของคะแนนสอบเท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วคนเรามีความฉลาดในเชิงต่างๆ ที่มีความแตกต่างกันอยู่หลายแบบ

         สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าใจว่า ชีวิตที่ดีและประสบความสำเร็จนั้นต้องประกอบไปด้วย "ความฉลาดหลายๆทาง" นำมาประกอบกัน เพื่อขมวดรวมตัวตนของเด็กคนหนึ่งใหห้เติบโตขึ้นมาเป็น "มนุษย์" โดยสมบูรณ์หากไม่มีการเรียนรู้ในเรื่องความฉลาดในทางอื่นๆ นอกจากความฉลาดที่หมายถึงด้านสติปัญญาเพียงอย่างเดียว

         ทุกวันนี้เราอาจจะได้พบหมอที่เก่งกาจมีความสามารถแต่ทำงานเหมือนหุ่นยนต์ หรือได้พบเจอกับนักธุรกิจที่คิดถึงแต่ตัวเลขและกำไรเพียงอย่างเดียวโดยขาดศีลธรรมคอยคดโกงชาวบ้านอยู่ตลอดสร้างความเดือดร้อนให้กันไม่รู้จบ

         หรือในเหตุการณ์ที่เป็นสาธารณะยกตัวอย่างเช่น แผ่นดินไหว เกิดธรณีพิบัติ คนที่ได้รับความเดือดร้อนคงจะได้แต่นั่งรอนอนรอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงเท่านั้น โดที่ไม่มีใครมีแก่ใจจะบริจาคเงินช่วยเหลือก็เป็นได้




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ภานุศร เครือปัญญาดี.คู่มือสอนและสร้างเด็กให้ดี ให้เก่ง ฉลาดรอบด้านด้วย 6 Q.--กรุงเทพฯ : เพชรสีน้ำเงิน, 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น